วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ระบำศรีวิชัย


          ระบำศรีวิชัย เป็นระบำชุดที่ 2 ในระบำโบราณคดี 5 ชุดนายมนตรี ตราโมท ผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทยและศิลปินแห่งชาติเป็นผู้แต่งทำนองเพลงจากสำเนียงชวา           นางลมุน   ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์และนางเฉลย ศุขะวณิช ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์และศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำจากหลักฐานศิลปกรรมและภาพจำหลักที่พระสถูป บุโรพุทโธในเกาะชวาในสมัยศรีวิชัย อยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 13-18 ดังนั้นท่ารำและดนตรี ตลอดจน เครื่องแต่งกายในระบำชุดนี้ จึงมีลีลา สำเนียง และแบบอย่างที่เป็นชวา
Srivijaya Dance

           This is the second in the set of five “ archaeological ” dances conceived by Dhanit Yupho, the Director General of the Fine Arts Department, in 1967. The Choreography was by Archan Lamoon Yamakup and Archan Chaleuy Sukavanich, and music by Archan Montri Tramod. The Srivijava period extended from the 8th to the 13th Centuries and its influence expanded from Indonesia to cover the southern part of Thailand. The choreography is based on images on the great stupa of Borobudo in Central Java and other artifacts of the Srivijava period. The melody was also composed in Javanese style.

รองเง็ง


          รองเง็ง แต่เดิมเป็นการละเล่นของชาวมาเลเซีย ที่ได้รับอิทธิพลจากชาวตะวันตกโดยเฉพาะสเปนและโปรตุเกสที่ติดต่อค้าขายกับชาวมลายู โดยเข้ามาทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ รองเง็งเป็นการแสดงพื้นเมือง ใช้ผู้แสดงทั้งชายและหญิงคู่กัน แสดงในงานรื่นเริงทั่วไป

Rong Ngeng
           Rong Ngeng is a from Malaysia folk art which has its roots in the arts of Spain and Portugal. It was spreaded into the southern part of Thailand during the long period of trading.
           It is a joyful dance performed by male and female dancers.
ขอขอบคุณ  http://www.lks.ac.th/thaidance/rong.htm

ชุมนุมเผ่าไทย



 

           เมื่อปี พ.ศ. 2498 กรมศิลปากรได้จัดการแสดงละครประวัติศาสตร์ เรื่อง อานุภาพแห่งความเสียสละ บทประพันธ์ของ ฯพณฯ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ซึ่งมีระบำชุมนุมเผ่าไทยเป็นฉากนำ กล่าวถึงวีรกรรมชาวไทยในดินแดนสุวรรณภูมิ เริ่มด้วยชาวไทยในภาคกลาง ไทยลานนา ไทยใหญ่ ไทยลานช้าง ไทยสิบสองจุไท และไทยอาหม นายมนตรี ตราโมท ผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทยและศิลปินแห่งชาติเป็นผู้แต่งทำนองเพลง นางลมุน ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทยประดิษฐ์ท่ารำ
Dance of Unification
          In 1955, the Fine Art department staged a historical play entitled The Power of Sacrifice by Major General Luang Vichit Vadhakan in which this “Dance of Unification” was performed as a prelude. The dance illustrated the coming together of Thai people from various parts of the country and different ethic roots. The dance tunes were composed by Archarn Montri Tramod.
ขอขอบคุณ   http://www.lks.ac.th/thaidance/paothai.htm

รำมโนราห์บูชายัญต์


 

          รำมโนราห์บูชายัญ เป็นการรำเดี่ยวที่มีลีลาอ่อนช้อย งมงามของนางกินรีที่มีชื่อว่า “มโนราห์” ในตอนหนึ่งของละครเรื่องมโนราห์ที่กรมศิลปากรปรับปรุงขึ้นมาใหม่ กล่าวถึงนางมโนราห์ถูกปุโรหิตผู้ริษยากราบทูลยุยงท้าวอาทิตยวงค์   ให้พระสุธนไปปราบศึกและจับนางกินรีมโนราห์มาบูชายัญ เพื่อสะเดาะพระเคราะห์ท้าวอาทิตยวงค์ นางมโนราห์จึงอุบายทูลของปีกหางและนำมาสวมใส่ แล้วรำตามแบบกินรีให้ทอด พระเนตรเป็นครั้งสุดท้าย การรำตอนนี้เองที่เรียกว่า มโนราห์บูชายัญ จากนั้นนางก็บินหนีไปยังนครไกลาศ
Manohra Dance of Sacrifice by Fire
          Manohra Dance featuring the sacrifice by fire is a solo dance excerpt from the story called Prince Suthon and the Kinnari Manohra. Manohra is a bird – half women creature kinnari, wife of Prince Suthon. While the prince is engaging in a war at the front the unscrupulous court advisors conspire to misleading the king to believe that he is in a desperately ill situation. The only means to eradicate the evil spell is by sacrificing his daughter-in-law, Manohra, by fire.

           The ceremony for sacrifice by fire is thus prepared. Manohra pretends to accept the sacrifice, but offers to delight the king with a farewell dance, with one proviso: that it will not be perfect unless she has back her full dress, complete with the wings and tail which were original taken from her. Her demand fulfilled, she dances a few rounds, then flies away to her homeland.

รำซัดชาตรี




รำ ซัดชาตรี  ปรับปรุงมาจากรำซัดไหว้ครูของละครโนรา-ชาตรี   ซึ่งเป็นละครรำแบบเก่าแก่ชนิดหนึ่งของไทย  และแพร่หลายอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  กล่าวกันว่า  ละครชาตรีนี้เป็นต้นกำเนิดของละครรำประเภทต่างๆ  ซึ่งได้ปรับปรุงขึ้นใหม่ในสมัยต่อมา  ประเพณีการแสดงละครโนรา-ชาตรีทางภาคใต้ถือเป็นธรรมเนียมกันว่า ผู้แสดงฝ่ายชาย (ตัวพระหรือนายโรง) จะต้องรำไหว้ครูอย่างที่พื้นเมืองเรียกว่า "รำซัด" เป็นการเบิกโรงเสียก่อน  การรำซัดไหว้ครูนี้เป็นการรำเดี่ยว  คือรำคนเดียวโดยมีปี่โทน กลอง กรับ และฆ้องคู่  เป็นเครื่องดนตรีเล่นประกอบจังหวะ  ครั้งต่อมาเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2499 กรมศิลปากรได้มอบให้อาจารย์ลมุล  ยมะคุปต์ และอาจารย์มัลลี (หมัน)  คงประภัศร์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์  วิทยาลัยนาฏศิลป์ กรมศิลปากร  (ปัจจุบันท่านทั้งสองเสียชีวิตไปแล้ว)  ฝึกซ้อมนาฏศิลป์ให้รำซัดชาตรีเป็นระบำชุม โดยปรับปรุงท่ารำให้เป็นแบบแผน  ดนตรีประกอบรำซักชาตรีมี ปี่ กลอง โทน กรับ และฆ้องคู่  ให้ผู้แสดงเป็นชายจริง หญิงแท้  ออกแบบเครื่องแต่งกายใหม่  โดยประสงค์ให้แสดงถึงลักษณะของการแสดงแบบชาตรี อันมีเค้ามาจากการแสดงมโนราห์ของชาวใต้  ซึ่งแพร่หลายที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  ผู้แสดงเป็นผู้รำฝ่ายพระจะไม่สวมเสื้อ คงไว้แต่เครื่องประดับ  หากเป็นผู้หญิงรำเป็นตัวพระ ก็ให้สวมเสื้อแขนสั้นเสมอไหล่ ใส่อินทรธนู ส่วนตัวนางนั้น  ได้กำหนดแบบการนุ่งผ้าและเสื้อนาง  กรองคอใหม่ผิดไปจากการแต่งกายของละครรำดั้งเดิม  ภายหลังที่ปรับปรุงแล้วได้นำออกแสดงทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายครั้งหลาย หน  ก็ปรากฏว่าได้รับความนิยมชมชอบจากผู้ชมเป็นอย่างดี  นับเป็นวิวัฒนาการของนาฏศิลป์ไทยอีกแบบหนึ่ง.



   

https://sites.google.com/site/ajanthus/ra-sad-chatri

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ระบำเทพบันเทิง


ประวัติระบำเทพบันเทิง

เป็นระบำมาตรฐานชุดหนึ่ง สมมติผู้แสดงเป็นเทพบุตร และนางฟ้า ร่ายรำ ถวายองค์ปะตาระกาหลา อยู่ในบทละครในเรื่อง อิเหนา ตอนลมหอบ กรมศิลปากรปรับปรุงขึ้นนำออกแสดงให้ประชาชนชม เมื่อ พ . ศ . 2499 ณ โรงละครศิลปากรเดิม
ร้องด้วยเพลงแขกเชิญเจ้าและเพลงยะวาเร็ว ซึ่งประพันธ์บทร้องและปรับปรุงทำนองเพลง โดยคุณครูมนตรี ตราโมท ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทยของกรมศิลปากร
ประดิษฐ์ท่ารำโดยคุณครูลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ของวิทยาลัยนาฏศิลป์ กรมศิลปากร ร่วมกับคุณครูมัลลี คงประภัศร์ และคุณครูผัน โมรากุล
เนื้อเพลงระบำเทพบันเทิง
เหล่าข้าพระบาท                         ขอวโรกาสเทวฤทธิ์อดิศร
ขอฟ้อนกราย                              รำร่ายถวายกร
บำเรอปิ่นอมร                              ปะตาระกาหลา
ผู้ทรงพระคุณ                              ยิ่งบุญบารมี
เพื่อเทวบดี                                  สุขสมรมยา
เถลิงเทพสิมา                             พิมานสำราญฤทัย
สุรศักดิ์ประสิทธิ์                         สุรฤทธิ์กำจาย
ทรงสราญพระกาย                     ทรงสบายพระทัย
ถวายอินทรีย                              ต่างมาลีบูชา
ถวายดวงตา                               ต่างประทีปจำรัสไข
ถ้อยคำอำไพ                             ต่างธูปหอมจุณจันทน์
ถวายดวงจิต                               อัญชลิตวรคุณ
ที่ทรงการุณย์                             ผองข้ามาแต่บรรพ์
ถวายชีวัน                                   รองบาทจนบรรลัย
ร่วมกันร้องทำนองลำนำ            มาฟ้อนมารำให้รื่นเริงใจ (ซ้ำ)
ให้พร้อมให้เพรียงเรียงระดับ     เปลี่ยนสับท่วงทีหนีไล่เวียนไปได้จังหวะกัน
อัปสรฟ้อนส่าย                           กรีดกรายออกมา
ฝ่ายฝูงเทวา                                 ทำท่ากางกั้น (ซ้ำ)
เข้าทอดสนิท                              ไม่บิดไม่ผัน (ซ้ำ)
ผูกพันสุดเกษม                           ปลื้มเปรมปรีดา
ฟังเพลงระบำเทพบันเทิงคลิ๊กที่นี่ค่ะ
ท่ารำระบำเทพบันเทิง




ขอขอบคุณ  http://www.learnthaidance.info



รำฉุยฉายเบญกาย


ประวัติรำฉุยฉายเบญกาย
นางเบญกายเป็นลูกสาวของพิเภกกับนางตรีชฎา และเป็นหลานของทศกัณฐ์พญายักษ์ เจ้ากรุงลงกา ซึ่งขณะนั้นทศกัณฐ์ทราบข่าวศึกที่พระรามยกทัพมาทำศึกชิงเอานางสีดากลับคืน ทศกัณฐ์จึงคิดอุบายให้นางเบญกายแปลงตัวเป็นนางสีดา ทำเป็นตายลอยน้ำไปยังพลับพลาของพระราม เพื่อให้พระรามเข้าใจผิดว่านางสีดาตายแล้ว จะได้ยกทัพกลับไป ฉะนั้นบทฉุยฉายเบญกายแปลงจึงประพันธ์ขึ้นเพื่อให้นางเบญกายแปลงองค์เป็นสีดา เมื่อแปลงเสร็จแล้ว ก็ขึ้นเฝ้าทศกัณฐ์ เพื่อให้สำรวจว่าเหมือนนางสีดาหรือไม่อย่างไร บทร้องฉุยฉายเบญกายนี้อยู่ในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ชุดนางลาย พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
เนื้อร้อง: ฉุยฉายเบญจกาย
คำร้อง: จากการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์
ฉุยฉายเอย                                                                 จะเข้าไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกราย
เยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย                                        ให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์
ถึงพระรามเห็นทรามวัย                                              จะฉงนพระทัยให้อะเหลื่ออะหลัก
งามนักเอย                                                                  ใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่
หลับก็จะฝันครั้นตื่นก็จะคิด                                         อยากเห็นอีกสักนิดหนึ่งให้ชื่นใจ
งามคมดุจคมศรชัย                                                      ถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา
แม่ศรีเอย                                                                      แม่ศรีรากษสี
แม่แปลงอินทรีย์                                                          เป็นแม่ศรีสีดา
ทศพักตร์มลักเห็น                                                       จะตื่นจะเต้นในวิญญาณ์
เหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้า                                              ระอาเจ้าแม่ศรีเอย ฯ
อรชรเอย                                                                      อรชรอ้อนแอ้น
เอวขาแขนแมน                                                            แม้นเหมือนกินนรี
ระทวยนวยนาด                                                            วิลาสจรลี
ขึ้นปราสาทมณี                                                            เฝ้าพระปิตุลาเอย ฯ
เครื่องแต่งกาย
ชุดยืนเครื่องนาง






ท่ารำฉุยฉายเบญกาย

ฉุยฉายทศกัณฐ์ลงสวน

ฉุยฉายทศกัณฐ์ลงสวน

 ฉุยฉายทศกัณฐ์

ฉุยฉายทศกัณฐ์ลงสวน เป็นการแสดงชุดหนึ่งในการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ทศกัณฐ์พญายักษ์แห่งกรุงลงกา ทำอุบายลักนางสีดามาไว้ในอุทยาน เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อไปพบสาวที่ตนรัก ก็อดที่จะแสดงความกรีดกรายกรุ้มกริ่มไม่ได้ แต่เดิมมีแต่เพียงบทร้องฉุยฉาย ซึ่งเป็นของเก่าไม่ทราบนามผู้ประพันธ์ คุณครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ และผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทยของกรมศิลปากรได้แต่งบทแม่ศรีเพิ่ม เพื่อให้เป็นบทร้องที่สมบูรณ์


โอกาสที่ใช้แสดง- งานมงคลต่างๆ
- งานต้อนรับชาวต่างชาติ
-งานอีเว้นต์

ตัวอย่างการแสดง





ขอขอบคุณ http://www.ichat.in.th

รำฉุยฉายพรามณ์

รำฉุยฉายพราหมณ์
        รำฉุยฉายพราหมณ์ เป็นส่วนหนึ่งของการร่ายรำที่งดงามของตัวละครประเภทพระ จากบทพระราชนิพนธ์เบิกโรงดึกดำบรรพ์ เรื่อง พระคเณศร์เสียงา ในสมัยรัชกาลที่ ๖ มีเนื้อเรื่องย่อว่า ปรศุรามเจ้าแห่งพราหมณ์ทะนงตัวว่าเป็นที่โปรดปรานของพระอิศวร คิดจะเฝ้าในโอกาสที่ไม่สมควร พระคเณศร์ได้ห้ามปราม จนเกิดการวิวาท ปรศุรามขว้างขวานโดนงาซ้ายพระคเณศร์หักสะบั้น พระอุมากริ้วปรศุราม จึงสาปให้หมดกำลังล้มกลิ้งดั่งท่อนไม้ พระนารายณ์ทรงเล็งเห็นและเกรงว่าคณะพราหมณ์จะขาดผู้ปกป้อง อีกทั้งทรงทราบว่าพระอุมาเมตตาต่อเด็ก จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์น้อย ซึ่งเป็นปฐมเหตุให้เกิดการการรำฉุยฉายพราหมณ์ขึ้น เนื้อเรื่องต่อไปพระอุมาประทานพรให้พราหมณ์ และสามารถแก้ไขคำสาปให้กลับกลายเป็นดีในที่สุด
        ลีลาท่ารำเชื่อกันว่าเป็นผลงานของพระยานัฏกานุรักษ์ ต่อมากรมศิลปากรได้ปรับปรุงท่าร่ายรำ ให้เป็นลีลาท่ารำของตัวพระ ที่มีลักษณะของความเป็นหนุ่มน้อยที่มีความงดงาม และท่ามีนวยนาดกรีดกราย
        โอกาสที่ใช้แสดง ใช้เป็นการรำเบิกโรงและการแสดงในงานเบ็ดเตล็ดทั่วไป
        ดนตรีประกอบการแสดง ใช้วงปี่พาทย์บรรเลง โดยมีบทร้องดังนี้


ฉุยฉายเอย
สะเอวแสนอ่อนอรชรช่วงกาย
สองเนตรคมขำแสงดำมันขลับ
น่ารักเอย
เหมือนแรกจะรุ่น
เจ้ายิ้มเจ้าแย้ม
จ่อจิตติดตา
ช่างงามขำช่างรำโยกย้าย
 วิจิตรยิ่งลายที่คนประดิษฐ์
ชม้อยเนตรจับช่างสวยสุดพิศ
น่ารักดรุณ
จะรู้เดียงสา
แก้มเหมือนมาลา
เสียจริงเจ้าเอย







  ขอขอบคุณ  WWW.PONGRANG.COM








นาฏศิลป์ศิลป์แห่งการแสดง

นาฏศิลป์ หมายถึงศิลปะการแสดงประกอบดนตรีเช่น ฟ้อน รำ ระบำ โขน แต่ละท้องถิ่นจะมีชื่อเรียกและมีลีลาท่าการแสดงที่แตกต่างกันไป สาเหตุหลักมาจากภูมิอากาศ ภูมิประเทศของแต่ละท้องถิ่น ความเชื่อ ศาสนา ภาษา นิสัยใจคอของผู้คน ชีวิตความเป็นอยู่ แต่ละภาคมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ภาคเหนือ


ภาคนี้มีการแสดงหรือการร่ายรำที่มีจังหวะช้า ท่าหยาบนุ่มนวล เพราะมีอากาศเย็นสบาย ทำให้จิตใจของผู้คนมีความนุ่มนวล อ่อนโยน ภาษาพูดก็นุ่มนวลไปด้วย เพลงมีความไพเราะ อ่อนหวาน ผู้คนไม่ต้องรีบร้อนในการทำมาหากิน สิ่งต่างๆ เหล่านั้นมีอิทธิพลต่อการแสดงนาฏศิลป์ของภาคเหนือ
นาฏศิลป์ของภาคเหนือเช่น ฟ้อนเมือง(ฟ้อนเล็บ ฟ้อนก๋ายลาย)ฟ้อนเทียน ฟ้อนจ้อง ฟ้อนวี ฟ้อนขันดอก ฟ้อนดาบ ฟ้อนเชิง(ฟ้อนเจิง)ตีกลองสะบัดไชย ฟ้อนสาวไหม ฟ้อนน้อยไจยา ฟ้อนหริภุญชัย ฟ้อนล่องน่าน ฟ้อนแง้น เป็นต้น นอกจากนี้ นาฏศิลป์ของภาคเหนือยังได้รับอิทธิพลจากประเทศใกล้เคียง ได้แก่ พม่า ลาว จีน และวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อย เช่น ไทยใหญ่ เงี้ยว ชาวไทยภูเขา ยอง เป็นต้น
ดังนั้น นาฏศิลป์พื้นเมืองของภาคเหนือนอกจากมีของที่เป็น "คนเมือง" แท้ๆ แล้วยังมีนาฏศิลป์ที่ผสมกลมกลืนกับชนชาติต่างๆ และของชนเผ่าต่างๆ อีกหลายอย่าง เช่น อิทธิพลจากพม่า เช่น ฟ้อนกำเบ้อ ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา นาฏศิลป์ของชนเผ่าต่างๆ เช่น ฟ้อนนก (กิงกาหล่า - ไทยใหญ่) ฟ้อนเงี้ยว (เงี้ยว) ระบำซอ ระบำเก็บใบชา(ชาวไทยภูเขา) ฟ้อนไต ฟ้อนไตอ่างขาง ฟ้อนนกยูง เป็นต้น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาคนี้โดยทั่วไปมักเรียกว่าภาคอีสาน ภาคอีสาน ภูมิประเทศภาคอีสานเป็นที่ราบสูง ค่อนข้างแห้งแล้งเพราะพื้นดินไม่เก็บน้ำ ฤดูแล้งจะกันดาร ฤดูฝนน้ำจะท่วม แต่ชาวอีสานก็มีอาชีพทำไร่ทำนา และเป็นคนรักสนุกและขยัน อดทน คนอีสานมักไปขายแรงงานในท้องที่ภาคกลางหรือภาคใต้
เพลงพื้นเมืองอีสานจึงมักบรรยายความทุกข์ ความยากจน ความเหงา ที่ต้องจากบ้านมาไกล ดนตรีพื้นเมืองแต่ละชิ้นเอื้อต่อการเล่นเดี่ยว การจะบรรเลงร่วมกันเป็นวงจึงต้องทำการปรับหรือตั้งเสียงเครื่องดนตรีใหม่เพื่อให้ได้ระดับเสียงที่เข้ากันได้ทุกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม คนอีสานก็พยายามหาความบันเทิงในทุกโอกาส เพื่อผ่อนคลายความไม่สบายใจหรือสภาพความทุกข์ยากอันเนื่องจากสภาพธรรมชาติ เครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสาน เช่น พิณ แคน โหวด โปงลาง หืน ซอ ปี่ไม้ซาง กลองตุ้ม กลองยาว เป็นต้น ทำนองเพลงพื้นเมืองอีสานมีทั้งทำนองที่เศร้าสร้อยและสนุกสนาน เพลงที่มีจังหวะเร็วนั้นถึงจะสนุกสนานอย่างไรก็ยังคงเจือความทุกข์ยากลำบากในบทเพลงอยู่เสมอ ทำนองเพลงหรือทำนองดนตรีเรียกว่า “ลาย” เช่น ลายแม่ฮ้างกล่อมลูก ลายนกไส่บินข้ามท่ง ลายลมพัดพร้าว ลายน้ำโตนตาด เป็นต้น
การขับร้องเรียกว่า “ลำ” ผู้ที่มีความชำนาญในการลำเรียกว่า “หมอลำ” ลำมีหลายประเภท เช่น ลำกลอน ลำเพลิน ลำเรื่องต่อกลอน ลำผญา(ผะหยา) ลำเต้ย เป็นต้น ส่วนบทเพลงหรือลายบรรเลงก็มาจากภูมิปัญญาชาวที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านดนตรีโปงลาง เช่นอาจารย์ทรงศักดิ์ ปทุมสิน ซึ้งเป็นผู้เชี่ยวทางด้านโหวด และอาจารย์ทองคำ ไทยกล้า เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้าน แคน

[แก้]ภาคใต้

ภาคใต้ เป็นดินแดนที่ติดทะเลทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก ทางด้านใต้ติดกับมลายู ทำให้รับวัฒนธรรมของมลายูมาบ้าง ขนบประเพณีวัฒนธรรมและบุคลิกบางอย่างคล้ายคลึงกัน คือ พูดเร็ว อุปนิสัยว่องไว ตัดสินใจ รวดเร็ว เด็ดขาด การแต่งกาย การแสดง เพลง และดนตรีคล้ายคลึงกันมาก นาฏศิลป์ของชาวไทยภาคใต้ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือการแสดงพื้นบ้านและระบำพื้นบ้าน การแสดงพื้นบ้าน สามารถแบ่งออกออกตามลักษณะของพื้นที่ ดังนี้
  1. พื้นที่ ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ โนรา เพลงบอก เพลงเรือ คำตัก เพลงชาน้อง
  2. พื้นที่ ภาคใต้บริเวณลุ่มนำทะเลสาบสงขลา ได้แก่ โนรา หนังตะลุง กาหลอ โต๊ะครึม(นายลิมนต์) เพลงเรือ
  3. พื้นที่ ชายฝั่งทะเลอันดามัน ลิเกป่า รองเง็งชาวเล รองเง็งตันหยง กาบง กาหยง ดาระ
  4. พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง รองเง็งปัตตานี ดิเกร์ฮูลู ซีละ มะโย่ง(บือดีกา) บานอ กรือโต๊ะ ตือตรี
ส่วนระบำพื้นบ้าน ได้แก่ ตารีกีปัส ระบำร่อนแร่ ระบำกรีดยาง เป็นต้น

[แก้]ภาคกลาง

ภาคกลางได้ชื่อว่าอู่ข้าวอู่น้ำของไทย มีภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสาย เหมาะแก่การกสิกรรม ทำนา ทำสวน ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย จึงมีเวลาที่จะคิดประดิษฐ์หรือสร้างสรรค์สิ่งที่สวยงามได้มาก และมีการเล่นรื่นเริงในโอกาสต่างๆ มากมาย ทั้งตามฤดูกาล ตามเทศกาลและตามโอกาสที่มีงานรื่นเริงภาคกลางเป็นที่รวมของศิลปวัฒนธรรม การแสดงจึงมีการถ่ายทอดสืบต่อกันและพัฒนาดัดแปลงขึ้นเรื่อยๆและออกมาในรูปแบบของขนบธรรมเนียมประเพณี และการประกอบอาชีพ เช่น เต้นกำรำเคียว เพลงเกี่ยวข้าว เพลงเรือ เพลงฉ่อย เพลงอีแซว ลิเก ลำตัด กลองยาว เถิดเทิง เป็นต้น บางอย่างกลายเป็นการแสดงนาฏศิลป์แบบฉบับไปก็มี เช่น รำวง และเนื่องจากเป็นที่รวมของศิลปะนี้เอง ทำให้คนภาคกลางรับการแสดงของท้องถิ่นใกล้เคียงเข้าไว้หมด แล้วปรุงแต่งตามเอกลักษณ์ของภาคกลาง คือการร่ายรำที่ใช้มือ แขนและลำตัว เช่น โขน ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ลิเก หุ่น หนังใหญ่ เป็นต้น

ขอขอบคุณ http://th.wikipedia.org/wiki/

บริการบนอินเตอร์เน็ต


  รูปแบบของการให้บริการบนอินเตอร์เน็ตสามารถกระทำได้หลากหลาย เช่น 
       1. จดหมายอิเลคทรอนิกส์ (Electronic Mail)

                 จดหมายอิเลคทรอนิกส์หรือที่เรียกกันว่า E-mailเป็นการสื่อสารที่นิยมใช้กันมากเนื่องจากผู้ใช้สามารถ
ติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่ต้องการได้รวดเร็ว ภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะอยู่ในที่ทำงานเดียวกันหรืออยู่ห่างกันคนละ
มุมโลกก็ตามนอกจากนี้ยังสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยมาก
                 องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย
                1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
                2. ชื่อโดเมน Username@domain_name
                การใช้งานอีเมล สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
               1. Corporate e-mail คือ อีเมล ที่หน่วยงานต่างๆสร้างขึ้นให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้น เช่น u47202000@dusit.ac.th คือ e-mail ของนักศึกษาของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เป็นต้น
               2. Free e-mail คือ อีเมล ที่สามารถสมัครได้ฟรีตาม web mail ต่างๆ เช่น Hotmail, Yahoo Mail, Thai Mail และ Chaiyo Mail
     2. การสืบค้นข้อมูลแบบเครือข่ายใยแมงมุม (Wold Wide Web : WWW)

                 เป็นการสื่อสารที่เติบโตเร็วที่สุดในอินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุผลที่สำคัญคือง่ายต่อการใช้งานและสามารถ
นำเสนอข้อมูลกราฟิกได้ การใช้ World Wide Web เปรียบเสมือนการเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุดโดยหนังสือ
ที่มีให้อ่านจะสมบูรณ์มากกว่าหนังสือทั่วไป เพราะสามารถฟังเสียงและดูภาพเคลื่อนไหวประกอบได้ นอกจากนี้ยัง
สามารถโต้ตอบกับผู้อ่านได้ด้วย ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งคือข้อมูลต่าง ๆ จะมีการเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วยคุณสมบัติ
ของ HyperText Link

                  WWW คืออะไร การใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบ WWW (World Wide Web) เป็นเครื่องมือในการ
ให้บริการข้อมูลข่าวสารบนอินเตอร์เน็ตที่ใช้ได้ง่าย สามารถชมได้ทั้งภาพนิ่ง เสียง VDO แม้แต่ส่ง Pager หรือจะสั่ง Pizza ก็ได้
                  ในปัจจุบันมีโปรแกรมในลักษณะของ WWW อยู่หลายตัวและหลายเวอร์ชั่นมากมาย แต่ละตัว
จะเหมาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์หลากหลายชนิด โปรแกรมที่จะพาผู้ใช้เข้าถึงบริการในลักษณะของ WWW เรียกว่า "บราวเซอร์" (Browser) ตามลักษณะของการใช้บริการดังกล่าวที่ดูเสมือนการเปิด หนังสือดู ไปทีละหน้า เหมือนการใช้ Online Help นั่นเอง 
       3. การโอนย้ายข้อมูล (File Transfer Protocol : FTP)

                 การโอนย้ายข้อมูล หรือที่นิยมเรียกกันว่า FTP เป็นการสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้กันมากพอสมควรใน
อินเตอร์เน็ต โดยอาจใช้เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลรวมถึงโปรแกรมต่าง ๆ ทั้งที่เป็น freeware sharewareจากแหล่ง ข้อมูลทั้งหลายมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งานอยู่ ปัจจุบันมีหน่วยงานหลายแห่งที่กำหนดให้ Server
ของตนทำหน้าที่เป็น FTP site เก็บรวบรวมข้อมูลและโปรแกรมต่าง ๆ สำหรับให้บริการ FTP ที่นิยมใช้กันมากได้แก่
WS_FTP, CuteFTP
                
                 การโอนย้ายไฟล์สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ

                1. การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File ) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูลเข้ามายังเครื่อง
คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรี เช่น www.download.com

                2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) การอัพโหลดไฟล์คือการนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้
ในเครื่องที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น กรณีที่ทำการสร้างเว็บไซต์ จะมีการอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้
ในเครื่องบริการเว็บไซต์ (Web server ) ที่เราขอใช้บริการพื้นที่ (web server) โปรแกรมที่ช่วยในการอัพโหลดไฟล์เช่น FTP Commander
      4. การแลกเปลี่ยนข่าวสาร (USENET)

                การสื่อสารประเภทนี้มาที่มาจากกระดานประกาศข่าว หรือ   Bulletin Board    กล่าวคือ ผู้ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน จะรวมกลุ่มกันตั้งเป็นกลุ่มข่าวของแต่ละประเภท     เมื่อมีข้อมูลใหม่ที่จะเป็น
ประโยชน์ต่อสมาชิกผู้อื่น หรือมีปัญหาหรือคำถามที่ต้องการความช่วยเหลือหรือคำตอบ ผู้นั้นก็จะส่งข้อมูลของตน
เข้าไปติดประกาศไว้ในอินเตอร์เน็ต โดยเครื่องที่ทำหน้าที่ติดประกาศ คือ News Server เมื่อสมาชิกอื่นอ่านพบ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีบางอย่างไม่ถูกต้อง หรือมีคำตอบที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ได้ สมาชิกเหล่านั้นก็จะส่งข้อมูล
ตอบกลับไปติดประกาศไว้เช่นกัน
      5. การเข้าใช้เครื่องระยะไกล (Telnet)

                Telnet เป็นการขอเข้าไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตจากระยะไกล โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปนั่งอยู่หน้าเครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนี้อาจอยู่ภายในสถานที่เดียวกับผู้ใช้ หรืออยู่ห่าง
กันคนละทวีปก็ได้ แต่ทั้งนี้ผู้ใช้ต้องมี account และรหัสผ่านจึงจะสามารถเข้าใช้เครื่องดังกล่าวไดส่วนคำสั่งในการ ทำงานนั้นขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการของเครื่องที่เข้าไปขอใช้
      6. การสนทนาผ่านเครือข่าย (Talk หรือ Chat)

                เป็นการติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทาง คือสามารถสื่อสารโต้ต อบกันได้ทันทีเหมือนการใช้โทรศัพท์ ในการสนทนาผ่านเครือข่ายนี้สามารถทำได้ทั้งแบบ Text-based และ Voice-based โดยในระยะแรกจะจำกัด
เฉพาะ Text-based คือใช้วิธีการพิมพ์เป็นข้อความในการสื่อสารโต้ตอบระหว่างกัน โปรแกรมที่นิยมใช้คือ Talk และ IRC (Internet Relay Chat) ต่อมาเมื่อมีการพัฒนามากขึ้นทั้งด้าน Hardware และ Softwareทำให้ปัจจุบัน เราสามารถสทาอสารกันทาง Voice-based ได้ด้วย โปรแกรมที่ใช้ในการสื่อสารประเภทนี้ เช่น NetMeeting ของไมโครซอฟต์ หรือ Inter Phone ของ Vocaltec ฯลฯ



ประวัติส่วนตัว





ชื่อ นาย สถาพร  ทองเพ็ชร์  

 ชื่อเล่น บอสเกิดวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2540

กำลังศึกษา โรงเรียนลำปางกลัยาณี แผนการเรียน อังกฤ-สังคม

บ้านเกิน ชุมพร  ปัจจุบันพักอาศัย  บ้านพักรถไฟลำปาง จ.ลำปาง  อ.เมือง   ต.ชมพู 

มีพี่น้องร่วมบิดาร  2 คน  ต่างมารดา  2คน

ความสามารถพิเศษ  นาฎศิลป์  ตัวพระ  กีฬาที่ถนัด  วอลเลย์และ ว่ายน้ำ

                                          งานอดิเรก ร้องเพลง เล่นคอม

                                          นิสัย  แล้วแต่คน  ไม่ดีไม่ร้าย  ไปกันได้ ก็โอเค